ปลูก หน่อไม้ฝรั่ง ผักกรุบกรอบ ทำเมนูไหนก็อร่อย !

ปลูกหน่อไม้ฝรั่ง ผักกรุบกรอบ ทำเมนูไหนก็อร่อย !

  •  หน่อไม้ฝรั่ง ผักรสชาติดี กรอบกรุบ ประโยชน์เยอะ อยากปลูกหน่อไม้ฝรั่งไว้ทำกับข้าว คลินิกพืชคูลเกษตร พามาดูสายพันธุ์ยอดนิยมและวิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งกันค่ะ
  • หน่อไม้ฝรั่ง ถือเป็นผักโปรดในใจใครหลายคน เพราะมีทั้งความกรุบกรอบไม่เหมือนใคร รสชาติดี อร่อยนัว มีกลิ่นเฉพาะตัว แถมยังนำไปปรุงอาหารได้หลากหลาย ที่สำคัญประโยชน์เด็ด ๆ สรรพคุณโดน ๆ เพียบ ฮั่นแน่ พูดมาขนาดนี้ เชื่อว่าคนรักการปลูกผักคงอยากได้วิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งไว้กินเองที่บ้านกันจะแย่แล้ว ถ้างั้นอย่ามัวรอช้า ตามมาที่คลินิกพืชคูลเกษตร พามาดูวิธีปลูกหน่อไม้ฝรั่งพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

พืชมีปัญหาปรึกษาคลินิกพืชคูลเกษตรทันทีได้ที่

คลินิกพืชคูลเกษตรพาทุกคนทำความรู้จักหน่อไม้ฝรั่งกันก่อน ต้นหน่อไม้ฝรั่ง หรือ Asparagus มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Asparagus Officinalis จัดอยู่ในวง Asparagaceae เป็นผักที่มีคุณค่าทางอาหารสูง นำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย รสชาติดี มีความกรุบกรอบ โดยจะใช้ประโยชน์จากหน่อเป็นหลัก แบ่งออกเป็นหน่อเขียว (หน่อที่โผล่พ้นเหนือดิน) กับหน่อขาว (หน่อที่กลบอยู่ใต้ดิน ไม่โดนแสงแดด) ในด้านการปลูกและการดูแลก็ค่อนข้างง่าย เก็บเกี่ยวได้นาน สามารถปลูกไว้ทำกับข้าวกินเองที่บ้านก็ได้ หรือจะปลูกไว้ส่งขายก็ทำรายได้ไม่เบาเลยค่ะ

สายพันธุ์ที่นิยมปลูกหน่อไม้ฝรั่งที่คนไทยนิยมปลูกมีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ ได้แก่

  1. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แมรี่วอชิงตัน (Mary Washington) เป็นหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แรกที่ปลูกในไทย ให้ผลผลิตค่อนข้างดีแต่น้อยกว่าพันธุ์อื่น จึงไม่ค่อยนิยมในปัจจุบัน
  2. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แคลิฟอร์เนีย 500 (California 500) เป็นหน่อไม้ฝรั่งที่มีอายุเก็บเกี่ยวเร็ว ให้ผลผลิตใกล้เคียงกับพันธุ์แมรี่วอชิงตัน
  3. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์แคลิฟอร์เนีย 309 (California 309) เป็นหน่อไม้ฝรั่งที่ได้รับการวิจัยว่าแข็งแรง แถมยังให้ผลผลิตดีกว่าและขนาดใหญ่กว่าพันธุ์แมรี่วอชิงตันและพันธุ์แคลิฟอร์เนีย 500
  4. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์ไฮบริดอิมพีเรียล (Hybrid Imperial) เป็นหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์ลูกผสม ให้ผลผลิตสูงกว่าทั้งแมรี่วอชิงตัน แคลิฟอร์เนีย 500 และแคลิฟอร์เนีย 309
  5. หน่อไม้ฝรั่งพันธุ์บร็อคอินพรู๊ฟ (Brock\’s Improved) เป็นหน่อไม้ฝรั่งพันธุ์ลูกผสม ให้ผลผลิตสูงที่สุด เมล็ดจึงมีราคาแพง

วิธีการปลูกหน่อไม้ฝรั่งสามารถทำได้ 2 แบบ คือ

  1. การเพาะกล้าลงในแปลงปลูกโดยตรง
  • สำหรับการเพาะต้นกล้าลงในแปลงปลูกโดยตรง ขั้นตอนแรกให้เราเตรียมแปลงปลูกด้วยการขุดดินเป็นร่องแปลงสูง 30 เซนติเมตร กว้าง 1 เมตร ยาว 10 เมตร อย่าลืมพรวนดินให้ละเอียด กำจัดวัชพืชให้เกลี้ยง และคลุกปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก+ปุ๋ยวิทยาศาสตร์+ปูนขาว ลงไปในดินให้สม่ำเสมอ
  • หลังจากนั้นเกลี่ยหน้าดินให้เรียบ แล้วทำหลุมสำหรับหยอดเมล็ด กะให้ลึกประมาณ 2 เซนติเมตร เว้นระยะห่างประมาณ 15-20 เซนติเมตร เสร็จแล้วก็หยอดเมล็ดลงไปหลุมละ 1 เมล็ด จากนั้นใช้ดินกลบบาง ๆ และใช้เศษฟางหรือหญ้าแห้งคลุมทับ (สามารถโรยฟูราดานเพื่อป้องกันแมลงได้) พร้อมทั้งหมั่นดูแลรดน้ำสม่ำเสมอ โดยเมล็ดจะเริ่มงอกหลังจากปลูกประมาณ 10-15 วัน ซึ่งควรรอให้เมล็ดงอกออกมาสัก 2-3 เซนติเมตร แล้วค่อยใส่ปุ๋ยเร่ง อย่าลืมกำจัดวัชพืชและถอนหญ้าด้วย
  1. การเพาะกล้าลงในถุง แล้วย้ายลงแปลงปลูก
  • สำหรับการเพาะต้นกล้าลงในถุง ให้เราผสมดินร่วน 1 ส่วน เศษใบไม้ 1 ส่วน ขี้เถ้าแกลบ 1 ส่วน และปุ๋ยอินทรีย์ 1 ส่วน เข้าด้วยกัน จากนั้นกรอกใส่ถุงเพาะชำ แล้วหยอดเมล็ดตามลงไป เสร็จแล้วจึงนำไปตั้งไว้กลางแจ้งและรดน้ำทุกวัน ไม่นานสักประมาณ 3-4 เดือน ต้นกล้าก็จะเติบโต แข็งแรง พร้อมแก่การย้ายปลูก ส่วนขั้นตอนอื่น ๆ ระหว่างรอย้ายลงแปลงปลูก มีดังนี้
  • การเตรียมแปลงปลูก : ให้เราขุดพลิกดินให้ดี ย่อยดินให้ละเอียด พร้อมทั้งผสมปุ๋ยและแกลบให้เข้ากัน จากนั้นตากทิ้งไว้ประมาณ 2 เดือน พอครบกำหนดก็ให้พรวนดินซ้ำอีกครั้ง กำจัดวัชพืช แล้วยกร่องขึ้นสูงและเกลี่ยหน้าดินให้เรียบเพื่อเตรียมทำหลุมปลูก
  • การเตรียมหลุมปลูก : ให้เราขุดหลุมลึก 15-25 เซนติเมตร กว้าง 20 เซนติเมตร พร้อมทั้งผสมปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หรือ 16-16-16 ประมาณ 1 ช้อนชา เข้ากับปุ๋ยคอกหรือขี้เถ้าแกลบ 2 กำมือ เพื่อใช้รองก้นหลุม (สามารถผสมฟูราดานเข้าไปเพื่อป้องกันแมลงได้)
  • การจัดระยะปลูก : หน่อไม้ฝรั่งควรปลูกให้แถวห่างกันประมาณ 1-1.5 เมตร แต่ถ้าหากใครอยากปลูกผักอื่นแซมด้วย ก็สามารถเว้นระยะห่างมากกว่านี้ได้
  • การเตรียมย้ายกล้าลงปลูกในแปลง : ให้เลือกต้นกล้าที่แข็งแรง สมบูรณ์ และมีรากมาก อายุสักประมาณ 3-4 เดือน จากนั้นตัดยอดต้นกล้าออกให้ต้นสูงประมาณ 15 เซนติเมตร แล้วแช่โคนและรากลงไปในน้ำเปล่าผสมสารป้องกันเชื้อราประมาณ 15 นาที แล้วค่อยนำไปทำการปลูก ระวังอย่าให้รากขาด โดยช่วงเวลาที่เหมาะจะย้ายกล้าลงปลูกจะเป็นตอนบ่าย ๆ ใกล้เย็นที่มีแสงแดดอ่อน ๆ
  • การปลูก : ให้ปลูกหลุมละ 1 ต้น โดยต้องแผ่รากของต้นกล้าให้กระจาย ไม่กระจุก พร้อมทั้งกลบดินหรือโกยดินรอบโคนต้นให้สูงขึ้นมา แล้วกดให้แน่น และรดน้ำให้ชื้น

การเก็บเกี่ยวหน่อไม้ฝรั่ง

  • หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่ชอบดินร่วนปนทราย ต้องการแสงสว่างส่องถึงหน้าดิน ต้องการน้ำสม่ำเสมอ ชอบหน้าดินชื้น ๆ แต่ไม่ชอบดินแฉะ การบำรุงทำได้โดยการใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยเคมีเป็นครั้งคราว พร้อมทั้งหมั่นกำจัดวัชพืชและโกยดินกลบโคนต้นเป็นประจำ และที่สำคัญหน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่แตกหน่อ แตกก้านเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฉะนั้นถ้าไม่อยากให้แย่งอาหารกันเองจนแคระแกร็น ก็อย่าลืมตัดแต่งทรงบ่อย ๆ หรือจะพักต้น (การถอนต้นที่มีสภาพไม่ดีทิ้ง เหลือแต่ต้นที่สภาพดีไว้) แทนก็ได้
  • โดยหน่อไม้ฝรั่งจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ตอนอายุ 4 เดือน หรือเมื่อหน่อโผล่พ้นเหนือดินขึ้นมาประมาณ 20 เซนติเมตร (ไม่เกิน 27 เซนติเมตร) ซึ่งหลังจากปลูกแรก ๆ ให้เก็บเฉพาะหน่อเขียวก่อน แล้วค่อยเก็บหน่อขาวในช่วงหลังหรือช่วงประมาณ 2-3 ปี เนื่องจากช่วงหลังปลูกใหม่ ๆ หน่อขาวจะยังไม่สมบูรณ์
  • ส่วนวิธีแยกหน่อเขียวกับหน่อขาว คือ หน่อเขียวจะเป็นหน่ออ่อนแทงขึ้นมาเหนือดินมากกว่า 17 เซนติเมตร ให้เก็บด้วยการขุดดินตรงลงไป แล้วใช้มือดึงเอาหน่อออกมา จากนั้นก็โกยดินกลบ ส่วนหน่อขาวเป็นหน่อที่อยู่ใต้ดิน ฉะนั้นหลักการปลูกจึงควรโกยดินกลบให้สูงตามความยาวที่ต้องการ โดยส่วนมากจะมีความยาวมากกว่า 17 เซนติเมตร

โรคและแมลงที่ต้องระวัง ที่พบบ่อยในต้นหน่อไม้ฝรั่ง ดังนี้

  1. โรคลำต้นไหม้ : จะเป็นแผลสีน้ำตาลตามลำต้น กิ่ง ก้าน และใบ จนส่งผลให้ใบร่วงและต้นแห้งตาย ป้องกันได้ด้วยการระบายน้ำอย่าให้ขัง ถอนต้นทิ้งก่อนลุกลาม และฉีดยาป้องกัน
  2. โรคเน่าเปียก : จะเกิดขึ้นกับต้นอ่อน มีลักษณะฉ่ำน้ำที่ปลายยอดจนยอดอ่อนมีสีเหลือง พร้อมทั้งขึ้นราสีเทาเป็นก้านสั้น ๆ ป้องกันได้ด้วยการฉีดยากำจัดโรค
  3. โรคเน่าเละ : จะมีอาการเนื้อเยื่อนิ่ม ช้ำ ลื่น และเหม็น ส่วนมากเป็นที่ปลายยอดหรือปลายหน่อ ป้องกันได้ด้วยการระมัดระวังขณะเก็บเกี่ยว หลีกเลี่ยงการทำให้เกิดแผล คัดเฉพาะหน่อที่สมบูรณ์ และทำการลดอุณหภูมิทันทีหลังเก็บ
  4. โรคหน่อเน่า : จะมีอาการช้ำน้ำ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นที่ส่วนใดก็ได้ แต่ส่วนมากจะเริ่มที่โคนหน่อ ป้องกันได้ด้วยการระวังไม่ให้หนอนกัดและไม่ให้อุปกรณ์พรวนดินไปโดน
  5. โรครากและโคนเน่า : จะมีอาการเน่าตามยอดหน่อหรือรอยตัด ป้องกันได้ด้วยการลดอุณหภูมิอย่างรวดเร็วหลังเก็บเกี่ยวและระวังความชื้นบริเวณยอดหน่อ
  6. โรคแอนแทรกโนส : จะเป็นแผลสีน้ำตาลเห็นได้ชัดเจน เมื่อเริ่มลุกลามจะทำให้ลำต้นยุบตัวและแห้งตาย ป้องกันได้ด้วยการกำจัดส่วนที่เป็นโรคออกไปทำลาย ระวังน้ำขัง และฉีดยาป้องกัน
  • ส่วนพวกแมลงหรือศัตรูพืชที่พบได้บ่อยจะเป็นพวกหนอนกระทู้หอม หนอนเจาะสมอฝ้าย หนอนคืบ เพลี้ยไฟฝ้าย และเพลี้ยไฟหอม ฉะนั้นถ้าหากใครคิดจะปลูกคลินิกพืชคูลเกษตรแนะนำ ก็อย่าลืมระวังและหมั่นกำจัดแมลงเหล่านี้ออกไปด้วยค่ะ
  • หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชที่น่าสนใจไม่เบา ปลูกก็ง่าย ประโยชน์ก็เยอะ แถมยังอร่อยเหาะสามารถรังสรรค์เป็นเมนูเจ๋ง ๆ ได้เพียบเลยล่ะ  คุณค่าเต็มคำกินอร่อยจากเมนูผักกรอบ ๆ แบบนี้ 

ซื้อออนไลน์ ห่างไกลโควิด ส่งไว ส่งฟรี ยินดีให้บริการ มีบริการเก็บเงินปลายทาง

ช่องทางการสั่งซื้อและขอคำปรึกษา จัดการได้ทันที สอบถามได้ที่

โทร. 095-237-1723

เข้ากลุ่มคนรักพืช เพื่อติดตามความรู้ใหม่ๆ สอบถามปัญหาพืช ได้ทุกวันที่นี่

ไลน์แอด @koolkaset คลิกที่นี่ 

สั่งซื้อโดยตรงทาง คลินิกพืชคูลเกษตร คลิกที่นี่ 

สั่งซื้อทาง ลาซาด้า คลิกที่นี่

สั่งซื้อทาง ช้อปปี้ คลิกที่นี่  

                                                                       อ้างอิง

  • https://home.kapook.com
  • https://www.77kaoded.com
  • https://gardenlux-th.designluxpro.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *